วิตามินเอ Vitamin Aวิตามิน เอ วิตามินเอเป็นวิตามินหนึ่งที่มีประโยชน์กับผิวพรรณมากและสามารถช่วยเรื่องสิวได้ แต่วิตามินเอก็มีข้อจำกัดอยู่มาก ข้อมูลของบทความนี้จึงอาจละเอียดไปซักหน่อยแต่ก็เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยในการรับประทานและจะได้ใช้กันอย่างถูกต้องนะครับ วิตามินเอ กับสิว วิตามินเอนั้นจำเป็นต่อร่างกายในแง่ของสุขภาพผิวและความสมดุลของฮอร์โมน งานวิจัยยืนยันว่าคนที่เป็นสิวรุนแรงนั้นมีระดับวิตามินเอในเลือดต่ำ มีรายงานมากมายที่บันทึกเกี่ยวกับหญิงวัยผู้ใหญ่ที่มีภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลและเป็นสิว และได้รับการรักษาสิวให้หายภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากได้รับอาหารเสริมวิตามินเอ รวมถึงรอยแผลที่เกิดจากสิวก็หายไป หลังจากได้รับอาหารเสริมวิตามินเอ 2 สัปดาห์ ผู้ป่วยสังเกตว่าไม่มีสิวใหม่ขึ้นอีกใน 5 ปี ผู้ป่วยอีกรายรายงานว่า หน้าของเธอใส เกลี้ยงขึ้นใน 1 เดือนหลังจากได้รับวิตามินเอ แหล่งที่มาทางธรรมชาติของวิตามินเอที่ดีคือ แครอท ผักใบเขียว (เช่นบร๊อคโคลี่, กระหล่ำเขียว, ผักขม) ผลไม้สีเหลือง/สีส้ม (เช่นลูกพีช, แอพริคอท, มะม่วง) วิตามินเอ คืออะไร - - วิตามินเอเป็นวิตามินที่สำคัญที่ช่วยในเรื่องของการมองเห็น, การเจริญเติบโตของกระดูก, การสร้างใหม่, การแบ่งเซลล์ และความแตกต่างของเซลล์ (เช่น เซลล์ที่เป็นส่วนหนึ่งของสมอง, กล้ามเนื้อ, ปอด, เลือด หรือเนื้อเยื่อพิเศษ วิตามินเอช่วยในการควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งช่วยป้องกัน หรือต่อสู้กับเชื้อโรคโดยการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวขึ้นมาทำลายแบคทีเรียและไวรัส วิตามินเอยังอาจช่วยลิมโฟไซท์ส (ประเภทของเซลเม็ดเลือดขาว) ต่อสู้เชื้อโรคได้ดียิ่งขึ้น วิตามินเอนั้นสร้างด่านป้องกันบริเวณดวงตา, ทางเดินหายใจ, ท่อปัสสาวะ และลำไส้ เมื่อพื้นที่บริเวณเหล่านั้นไม่ทำงาน แบคทีเรียก็จะเข้ามาในร่างกายได้ง่ายขึ้น และร่างกายก็จะติดเชื้อ วิตามินเอยังช่วยผิว และเยื่อบุผิวบริเวณช่องจมูกและปากเป็นการป้องกันแบคทีเรียและไวรัส โดยทั่วไปแล้ววิตามินเอจะมีอยู่ 2 ชนิด ขึ้นอยู่กับว่าได้จากแหล่งใดของอาหาร พืชหรือสัตว์ วิตามินเอในอาหารที่ได้จากสัตว์เรียกว่า พรีฟอร์มวิตามินเอ ที่จะถูกดูดซึมในรูปของเรตินอล ซึ่งเป็นแบบที่ได้ผลดีที่สุด แหล่งอาหารดังกล่าวคือ ตับ, นม วิตามินเอที่ได้จากผลไม้และผักเรียกว่า โปรวิตามินเอ แคโรทีนอยด์ โดยทั่วไปจะพบสารแคโรทีนอยด์ได้จากพืช เช่นเบต้า-แคโรทีน, อัลฟ่า-แคโรทีน และเบต้า-คริปโตซานทิน เหล่านี้เบต้า-แคโรทีนนั้นเป็นตัวที่ให้ประสิทธิภาพดีที่สุดในการทำให้เป็นเรตินอล อีกสองตัวที่เหลือนั้นก็สามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้แต่ให้ประสิทธิภาพแค่เพียงครึ่งหนึ่งของเบต้า-แคโรทีนในจำนวนแคโรทีนอยด์ 563 ประเภท น้อยกว่า 10% ของทั้งหมดที่จะสามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกายได้ แคโรทีนอยด์บางชนิดนั้นสามารถทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระได้
อาหารอะไรบ้างที่ให้วิตามินเอ เรตินอลนั้นพบได้ในอาหารที่ได้จากสัตว์เช่น ไข่, นม และตับ ในอเมริกานั้น นมประเภทไม่มีไขมัน และผลิตภัณฑ์แช่แข็งต่าง ๆ ที่ไม่มีไขมัน จะเพิ่มคุณค่าวิตามินเอลงไป เพื่อทดแทนวิตามินที่เสียไปขณะที่ไขมันถูกกำจัดออก อาหารที่เพิ่มคุณค่าเช่น อาหารเช้าซีเรียล ก็มีวิตามินเอ โปรวิตามินเอ แคโรทีนอยด์ นั้นจะมีมากในผลไม้และผักสีเข้ม 2000 National Health and Nutrition Examination Survey (NHANES) นั้นได้ชี้แจงให้เห็นว่า อาหารที่ให้เรตินอลมากได้แก่ นม มาการีน ไข่ เนื้อวัว ตับ และซีเรียล ในขณะที่แคโรทีนอยด์จะมีมากใน แครอท แคนตาลูป มันฝรั่งหวาน และผักขม วิตามินเอในอาหารที่ได้จากสัตว์นั้นจะดูดซึมได้ดีและมีประสิทธิภาพต่อร่างกาย ส่วนวิตามินเอในอาหารที่ได้จากพืชนั้นดูดซึมไม่ดีเท่าอาหารที่ได้จากสัตว์ ตารางที่ 1 และ 2 นั้นจะเป็นการแนะนำแหล่งอาหารของวิตามินเอ และโปรวิตามินเอ แคโรทีนอยด์
ตารางที่ 1
ตารางที่2
อันตรายกับสุขภาพที่จะพบได้หากบริโภควิตามินเอมากเกินไป ไฮเปอร์วิตามิโนซิสเอ นั้นมีผลจากการรับวิตามินเอในปริมาณมากเกินไป อันจะทำให้เกิดอาการเป็นพิษ จะมีผลข้างเคียงหลัก ๆ อยู่ 4 อย่างของ ไฮเปอร์วิตามิโนซิสเอ คือ การแท้งบุตร, ตับทำงานไม่ปกติ, แร่ธาตุในกระดูกลดลง ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน และระบบประสาทส่วนกลางไม่ทำงาน อาการอันตรายเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากการบริโภควิตามินเอในปริมาณมาก ๆ แม้แค่เพียงระยะเวลาสั้น ๆ สัญญาณบอกอาการเริ่มต้น เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ วิงเวียน ตาพร่ามัว กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน แม้ว่าอาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้หากบริโภคตับในปริมาณสูงเป็นประจำ ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุจากการรับสารอาหารในอาหารเสริมในปริมาณมากเกินไป Institute of Medicine ได้กำหนดระดับสูงสุดของปริมาณที่สามารถรับได้ของวิตามินเอเพื่อสุขภาพของประชากร เพื่อป้องกันความเสี่ยงของอาการวิตามินเอเป็นพิษ แต่ข้อกำหนดนี้ไม่ได้นำมาใช้กับคนที่สุขภาพไม่ดีเพราะทานอาหารไม่ถูกต้อง บริโภควิตามินเอเป็นช่วง ๆ หรือเข้าโปรแกรมสุขภาพเพื่อป้องกันการขาดวิตามินเอ และยังไม่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยวิตามินเอโดยคำสั่งแพทย์สำหรับบางโรค
เรตินอยด์นั้นเป็นกลุ่มเคมีที่มีความคล้ายคลึงกับวิตามินเอ ได้มีการใช้เรตินอยด์สังเคราะห์เพื่อรักษาสิว, สะเก็ดเงิน และปัญหาผิวอื่น ๆ - - - ไอโซเตรทติโนอิน (โรแอคคิวเทน หรือ แอคคิวเทน) นั้นเป็นวิธีการป้องกันสิวที่ได้ผลดี แต่หากรับประทานในปริมาณสูง ๆ อาจทำให้เป็นอันตรายได้ ซึ่งแพทย์มักจะใช้กับผู้ที่เป็นสิวรุนแรง ผลที่ร้ายแรงของการใช้โรแอคฯคือ ทำให้แท้งบุตร สำคัญมาก ๆ ในหญิงวัยเจริญพรรณที่อาจตั้งครรภ์ และผู้ที่จะใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพรรณที่ใช้ยานี้ต้องได้รับการทดสอบการตั้งครรภ์ทุกเดือนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ มารู้จักกับยาที่จัดอยู่ในกลุ่มกรดวิตามินเอกันค่ะ สำหรับยาในกลุ่มกรดวิตามินเอนี้ก็คือยาที่กินเพื่อที่จะรักษาสิวนั่นเองล่ะค่ะ โดยที่ก็จะมีชื่อทางเคมี นั่นก็คือisotretinoin แล้วก็ยังเป็นยาที่ได้มีชื่อทางการค้าที่ขายในประเทศไทยอีกด้วยล่ะค่ะ อย่างเช่น Roaccutane, Acnotin, Sotret และ Isotane โดยที่ก็จะจัดได้ว่าเป็นยาที่ใช้รักษาโรคสิวหัวช้าง หรือสิวที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะแล้วนั่นเองล่ะค่ะ โดยที่จะรักษาสิวที่เป็นสิวอักเสบเรื้อรังซึ่งจะสามารถที่จะทำให้จมูกสามารถผิดรูปร่างได้อีกด้วย โดยที่สิวนั้นจะมีการทำให้เกิดเป็นแผลได้มากๆ แล้วสิวนั้นก็จะอยู่ในผู้ป่วยที่มีอาการที่วิตกกังวลไปจนเกินเหตุอีกด้วยนั่นเองล่ะค่ะ ซึ่งยารักษาสิวตัวนี้นั้นก็ยังจะสามารถที่จะทำให้เด็กที่อยู่ในครรภ์ของมารดาที่มีการใช้ยานี้สามารถที่จะพิการได้อีกด้วยค่ะ ซึ่งผู้ที่ได้รับยานี้จึงจะต้องมีการคุมกำเนิดก่อนที่จะมีการกินยาเป็นเวลานาน 1 เดือนนั่นเองล่ะค่ะ และการที่มีการคุมกำเนิดในระหว่างที่ได้มีการกินยาตัวนี้นั้นก็จะต้องหยุดยาล่วงหน้าเป็นเวลาถึง 1 เดือนอีกเช่นเดียวกันถึงจะสามารถที่จะตั้งครรภ์ได้ แล้วก็จะต้องงดบริจาคเลือดในระหว่างที่กำลังกินยาตัวนี้อีกด้วยนะคะ สำหรับการที่จะใช้ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอนี้ควรที่จะต้องตรวจสอบดูให้แน่ใจก่อนนะคะ ก่อนที่จะกินยานี้ว่าคุณกำลังท้องอยู่หรือไม่ หรือถ้าหากคุณกินยานี้ขณะที่ไม่ได้ท้องก็ควรที่จะต้องป้องกันให้ดีดีโดยที่อย่าให้ท้องในระหว่างใช้ยาโดยเด็ดขาดนะคะ เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้เด็กเกิดความพิการได้นั่นเองล่ะค่ะ ขอขอบคุณบทความดีดีจาก doctor.or.th | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
. | . | . | . | . |
หน้าที่เข้าชม | 2,963 หน้า |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,506 ครั้ง |
เปิดร้าน | 3 ก.พ. 55 |
ร้านค้าอัพเดท | 15 ก.ย. 55 |