Blackmores Folic acid 500 mcg 90 เม็ด โฟลิค แบล็คมอร์ 90 เม็ด วิตามินสำหรับคนท้อง หรือผู้ที่ต้องการบำรุงเลือด ** ขายดี

Blackmores Folic acid 500 mcg 90 เม็ด โฟลิค แบล็คมอร์ 90 เม็ด วิตามินสำหรับคนท้อง หรือผู้ที่ต้องการบำรุงเลือด  ** ขายดี
หมวดหมู่ BLACKMORES แบล็คมอร์ส
ราคาปกติ 340.00 บาท
ลดเหลือ 250.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ประเภท สินค้าใหม่
อัพเดทล่าสุด 11 ม.ค. 2557
ความพึงพอใจ ยังไม่มีความคิดเห็น
จำนวน
ชิ้น
หยิบลงตะกร้า

Blackmore Folic Acid 

แบลคมอร์ส โฟลิค แอซิค อาหารเสริมบำรุงเลือด

โฟลิค แอซิด เป็นวิตามินที่จัดอยู่ในกลุ่มวิตามิน บี พบมากในตับสัตว์ ผักขมฝรั่ง น้ำส้มคั้น และมีความจำเป็นต่อการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ และอาร์เอ็นเอ รหัสพันธุกรรมในขบวนการแบ่งตัวของเซลล์ มีรายงานว่าการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยโฟลิค แอซิด ในระหว่างการตั้งครรภ์ช่วยป้องกันการเกิดความผิดปกติในทารกแรกเกิด อันเนื่องมาจากการพัฒนาของ ท่อนำระบบประสาทผิดปกติ (Neural tube defect) นอกจากนี้จากงานวิจัยอื่นพบว่าการขาดโฟลิค แอซิด สามารถเพิ่มระดับของสารโฮโมซิสเตอีน (homocysteine) 

ใช้เสริมโฟลิค แอซิด ในผู้ที่ขาดโฟลิค แอซิด และสตรีมีครรภ์ หรือเตรียมพร้อมตั้งครรภ์

 

เหมาะสำหรับหญิงที่ต้องการเตรียมพร้อมจะมีบุตร  หรือผู้ที่ต้องการ

บำรุงเลือด  ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง Blackmores Folic Acid เป็นสารจำเป็น

สำหรับการพัฒนาการของทารกในครรภ์ หากขาดจะทำให้เกิดความผิดปกติ

ของท่อระบบประสาทได้  และเกิดโรคโลหิตจาง

ขนาดรับประทาน 

วันละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร

ส่วนประกอบ ใน 1 เม็ด แบลคมอร์ส โฟลิคแอซิค

Folic Acid 500mcg

 

คนตั้งครรภ์ห้ามขาดโฟลิก PDF พิมพ์ อีเมล
เขียนโดย กฤติยา หนองแก   
วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 08:11 น.

 โฟลิกคืออะไรimages

        กรดโฟลิก  เป็นสารอาหารชนิดหนึ่ง ละลายในน้ำได้ มีมากในผักใบเขียวและผลไม้บางชนิด เช่น  ผักโขม  ปล๊อกโคลี  คะน้า  หน่อไม้ฝรั่ง  เห็ด มันฝรั่ง  กะหล่ำดอก  กระหล่ำปลี  ผักกาดหอม  ผักกาดเขียว  ผักกาดแก้ว  ถั่วลันเตา  มะเขือเทศ  แครอท  ข้าวโพด  สัม  กล้วย  ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง  ถั่วสีเขียว  ข้าวซ้อมมือ  ขนมปังโฮลวีต  ปลานมสด  ไข่แดง  โยเกิร์ต   ตับ  เป็นต้น

 โฟลิกนั้นสำคัญอย่างไร

       กรดโฟลิก  เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการเจริญพันธุ์ ช่วยป้องกันความผิดปกติของเลือด  ผู้หญิงที่มีระดับของกรดโฟลิกต่ำจะมีปัจจัยเสี่ยงต่อการคลอดบุตรที่มีความผิดปกติของท่อประสาท ในอัตราที่สูงขึ้น  รวมถึงลูกในครรภ์อาจได้รับการคุกคามจากภาวะล้มเหลวในการพัฒนาสมองและกระดูกสันหลังด้วย

      คุณสมบัติของกรดโฟลิกที่มีผลกับการเจริญเติบโตของลูกในครรภ์นั่นเอง   โดยกรดโฟลิกเริ่มเข้ามามีบทบาท  พบว่าแม่ตั้งครรภ์ที่ขาดกรดโฟลิกมีโอกาสคลอดลูกพิการทางระบบประสาทสูง  โดยพบว่าแม่ที่คลอดลูกออกมาแล้วมีความพิการของสมอง พอครรภ์ต่อไปให้รับประทานกรดโฟลิกตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์จนถึงตั้งครรภ์ครบ 3 เดือนแรก  พบว่าเมื่อลูกคลอดออกมาโอกาสเกิดสมองพิการลดลงอย่างเห็นได้ชัด

      จากคุณสมบัติดังกล่าว  กรดโฟลิกน่าจะป้องกันความพิการของสมองของทารกในครรภ์ได้  ถ้าแต่งงานแล้วเตรียมจะมีลูก ก็ต้องเตรียมรับประทานกรดโฟลิกไว้ได้เลย  โดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก จะช่วยลดโอกาสการเกิดความพิการทางสมองของลูกลงได้

          การได้รับกรดโฟลิกที่เหมาะสมโดยเฉพาะช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์  ซึ่งอวัยวะของตัวอ่อนในครรภ์เริ่มสร้าง   ถ้าได้รับกรดโฟลิก จำนวน 0.4 - 0.5 มิลลิกรัมต่อวัน  เป็นเวลาหลายเดือนก่อนการตั้งครรภ์จนถึงระยะอายุครรภ์ 12 สัปดาห์  ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้ทารกพิการเมื่อแรกคลอด  เช่น  เป็นโรคกระดูกสันหลังไม่ปิด  และ ไม่มีกะโหลกแต่กำเนิด  ดังนั้นขอแนะนำว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกในครรภ์เกิดโรคกระดูกสันหลังไม่ปิดจึงควรรับประทานกรดโฟลิกจำนวน 600 ไมโครกรัม (1000 ไมโครกรัม 1 มิลลิกรัม) ต่อวันก่อนการตั้งครรภ์  จนถึงอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ หรือ แนะนำให้รับประทานกรดโฟลิก จำนวน 400 ไมโครกรัม (0.4  มิลลิกรัม) และรับประทานอาหารที่มีกรดโฟลิกเสริมไปด้วย

รับประทานกรดโฟลิกเมื่อใด

          “กรดโฟลิกมีความสำคัญต่อการตั้งครรภ์ตั้งแต่เริ่มมีการปฏิสนธิ เพราะตอนที่เซลล์แบ่งตัวเป็นสองเซลล์กรดโฟลิกจะช่วยให้การแบ่งตัวของเซลล์เป็นไปอย่างสมบูรณ์ และช่วยในการจัดสร้างโครงสร้างของสมองทารกให้สมบูรณ์ด้วย

          ดังนั้นถ้าขาดกรดโฟลิกในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกหลังปฏิสนธิจะทำให้สมองทารกที่กำลังจัดตัวเป็นหลอดเหมือนหลอดกาแฟเกิดเสียหายบกพร่อง  ทำให้ทารกที่เกิดมามีสมองพิการ   เช่น เป็นโรคสมองเปิด

(ไม่มีกะโหลกศีรษะ)  คือ เกิดช่องโหว่ที่ปลายสมอง เพราะหลอดสมองสร้างตัวไม่สมบูรณ์ ส่วยปลายหลอดไม่ปิด จึงไม่มีกะโหลกมาปิดสมองทำให้สมองไม่พัฒนาตามไปด้วย ส่งผลทำให้เกิดไม่ได้  ควบคุมระบบขับถ่ายไม่ได้ ไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้ ต้องเสียชีวิตหลังคลอดทุกราย

          การรับประทานกรดโฟลิกตั้งแต่ตอนยังไม่ตั้งครรภ์ จึงช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคสมองพิการ ได้ถึง 75 เปอร์เซ็นต์  เพราะกรดโฟลิกมีบทบาทตั้งแต่การปฏิสนธิ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรรับประทานกรดโฟลิก อย่างน้อย 1 เดือนก่อนการตั้งครรภ์และรับประทานติดต่อไปถึงหลังตั้งครรภ์ อย่างน้อย 3 เดือนหรือหากจะรับประทานเรื่อยไปตลอดระยะตั้งครรภ์ก็ได้  แต่ถ้าเริ่มรับประทานอาหารหลังตั้งครรภ์ 3 เดือนไปแล้ว จะไม่มีผลในการช่วยลดความเสี่ยงแต่อย่างใด ทั้งนี้เพราะตัวอ่อนได้สร้างโครงสร้างสำคัญของสมองไปแล้วตั้งแต่ช่วยตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก”

 โฟลิกแบบเม็ดหรือแบบอาหารดี

          คนไทยอาจไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดกรดโฟลิกมากนัก   เพราะอาหารการกินของบ้านเราอุดมด้วยผักผลไม้แทนทุกฤดู ทางเลือกในการเพิ่ม  โฟลิกให้ร่างกายจากอาหารจึงมีได้มากกว่าและง่ายกว่าโฟลิก  ในรูปเม็ด

กรดโฟลิก

          ช่วยให้แม่ลูกฉลาดขึ้น

          มีงานวิจัยใหม่ๆ  ในต่างประเทศบอกว่าหากแม่ตั้งครรภ์ได้รับกรดโฟลิกอย่างเพียงพอ นอกจากจะลดโอกาสพิการทางสมองให้ลูกในท้องแล้ว โฟลิกยังจะไปช่วยเสริมสร้างเซลล์สมองของทั้งลูกและแม่  บางรายงานระบุว่า กรดโฟลิกอาจช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ และถ้าแม่ตั้งครรภ์ที่รับประทานกรดโฟลิกอย่างเพียงพอและสมบูรณ์ลูกก็จะพัฒนาการทางสมองที่ดี มีการเสริมสร้างใยสมองอย่างมีประสิทธิภาพช่วยทำให้ลูกฉลาดขึ้นได้  อีกด้วย

 

 

                                                                                               

                                                                                                                                    

 

เขียนโดย  :  กฤติยา   หนองแก  และ  กาญจนศรี  สิงห์ภู่

วิตามินและอาหารเสริมสำหรับคนท้อง

 
พอรู้ตัวว่าท้องปุ๊บ เราก็เริ่มค้นหาข้อมูลทันทีว่าควรจะต้องดูแลตัวเองยังไงบ้าง ต้องกินวิตามินอะไรเสริมบ้าง ลูกออกมาจะได้แข็งแรง ก็มีอยู่หลายตัวที่คนท้องควรกิน ขอเรียงลำดับเลยละกัน

1. โฟลิค แอซิด (Folic Acid) อันนี้สำคัญมากๆ เพราะจะให้วิตามินที่เรียกว่า โฟเลต (Folate) ซึ่งจำเป็นต่อพัฒนาการของเด็กในครรภ์ช่วง 3 เดือนแรก หากได้รับไม่เพียงพออาจเกิดความพิการในสมองและระบบประสาทไขสันหลังของเด็ก อึ๋ยๆ ฟังแล้วน่ากลัวจัง ทำเอาเราไม่กล้าลืมกินโฟลิคเลย (ปกติลืมประจำ กินมั่งไม่กินมั่ง) จริงๆแล้วตัวนี้ ควรเริ่มทานตั้งแต่ตอนที่เตรียมตัวมีน้องได้เลย วันละ 400 มคก. มีขายเป็นเม็ดเล็กๆ สีเหลือง เม็ดละ 70 สตางค์เอง ถูกมากๆ ตามร้านขายยา กินมากกว่านี้ก็ไม่มีอันตรายนะ แต่ถ้ากินน้อยไปล่ะก็ มีปัญหาแน่ๆ อันที่จริงทานผักใบเขียวก็จะได้กรดโฟลิคบ้างเหมือนกัน แต่เอาชัวร์ๆ ก็กินเสริมเอา จะมั่นใจกว่านะ ว่าได้รับในปริมาณที่เพียงพอ

2. แคลเซียม (Calcium) อันนี้คุณหมอที่ไปฝากครรภ์ พอดีเป็นญาติทางสามี เค้าเขียนรายละเอียดให้เราไปซื้อเอง เพราะถ้าจ่ายยาจากโรงพยาบาลนี่แพงหูฉี่แน่ๆ ระดับบำรุงราษฎร์นี่นา อันนี้หมอบอกให้ทานเสริมวันละ 600-1000 มก. ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการกินของเราว่ากินนม, นมถั่วเหลือง หรือได้รับแคลเซียมจากอาหารประจำวันมากแค่ไหน อย่างเราเนี่ยกินนมวัวไม่ได้เพราะแพ้แลกโตส กินแล้วจะท้องเสียทรมานมาก ก็เลยต้องทานแคลเซียมเม็ดเสริมแน่นอน ตัวเลือกก็มีหลายยี่ห้ออยู่ แต่สุดท้ายก็เลือก Caltrate อ่ะนะ เพราะก็รู้จักอยู่ยี่ห้อเดียว แล้วราคาแต่ละแบรนด์ก็ไม่ค่อยต่างกันมาก เม็ดนึงก็ 600 มก. เท่าๆกันหมด สำหรับแคลเซียม คุณหมอย้ำว่าควรแยกทานจากวิตามินอื่นๆ ง่ายๆ ก็แยกมื้อไปเลย เพราะวิตามินอื่นมักไปรบกวนการดูดซึมของแคลเซียม (หรือกลับกันนี่แหละ จำไม่ค่อยได้แระ) ทำให้ดูดซึมได้ไม่เต็มที่ เราค้นพบว่าควรทานแคลเซียมมื้อเช้าดีที่สุด เดี๋ยวจะบอกต่อไปว่าทำไม

ทางเลือกอื่นสำหรับคนที่แพ้นมวัวอย่างเรา แต่อยากได้แคลเซียมจากอาหาร ก็คือโยเกิร์ตนั่นเอง ยิ่งเดี๋ยวนี้มีพวกบิวตี้โยเกริ์ตแบบแคลเซียมสูง ไขมันตำ่เยอะแยะ ก็กินพวกนั้นล่ะ เราชอบของเมจินะ อ่านข้อมูลโภชนาการข้างกระปุกแล้วเขาว่า 1 กระปุกให้แคลเซียม 45% RDA (แต่ไม่รู้กี่มิลลิกรัม?) กินแล้วไม่อ้วนด้วย หวานๆเปรี้ยวๆ อร่อยดี ชอบๆๆ ที่กินโยเกิร์ตได้แม้ว่าทำจากนมวัว ก็เพราะในกระบวนการทำโยเกริ์ต น้ำตาลแลกโตสในนมจะถูกย่อยสลายจนหมดแล้ว กินได้สบายใจ อาหารอย่างอื่นก็พวกเต้าหู้ นมถั่วเหลือง ปลาเล็กปลาน้อย​ (เน้นก้างปลา), ผักใบเขียว

แคลเซียมนี่ จริงๆ ไว้ทานตอนอายุครรภ์ 15 สัปดาห์ไปแล้วก็ได้ เพราะช่วงแรกๆ น้องยังไม่มีพัฒนาการของกระดูก เลยยังไม่ค่อยจำเป็นมากนัก แต่เราก็กินตุนไว้ก่อน

3. เหล็ก (Iron) คุณหมอสั่งมาเช่นกัน ว่าควรทานเสริมเมื่ออายุครรภ์ 15 สัปดาห์ขึ้นไป ตัวที่เราเลือกคือ OBIMIN AZ เพราะมีทั้งเหล็กและวิตามินแร่ธาตุอื่นๆ รวมอยู่ด้วยกันหลายตัว แล้วก็มีโฟลิกแอซิด ตั้ง 1 มก. ด้วย ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ เพราะที่เค้าแนะนำกันคือทานแค่ 400 มคก. ก็พอแล้ว (1 มก. = 1,000 มคก.) ดังนั้น พอทานเจ้า OBIMIN AZ แล้วก็ไม่ต้องทานกรดโฟลิกแยกต่างหากอีกแล้วก็ได้ เม็ดเดียวอยู่ แต่ปัญหาคือบางคนทานธาตุเหล็กเสริมแล้วจะคลื่นไส้ ซึ่งปกติ 3 เดือนแรกก็แพ้ท้อง ทรมานจะแย่อยู่แล้ว T_T อย่าให้มันมาซ้ำเติมชีวิตเราเลย เพราะฉะนั้น ควรกินเจ้านี่ตอนก่อนนอนค่ะ จะได้ไม่แพ้มากนัก และอันที่จริงแล้ว เวลาทานอาหารเสริมทั้งหลาย เราควรทานหลังมื้ออาหาร เพราะจะช่วยทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น จึงเป็นเหตุอันชอบธรรมในการกินมื้อดึก (เล็กๆ) อีกด้วย ระวังก็แต่ว่าอย่าดื่มนมพร้อมธาตุเหล็กละกัน เพราะมันจะไปขัดขวางการดูดซึมการกันและกันแทน ข้อนี้ในคลาสอบรมคุณแม่ตั้งครรภ์ที่บำรุงราษฎร์เค้าบอกมา

4. น้ำมันปลา (Fish Oil) ตัวนี้เค้าว่ากินแล้วลูกจะฉลาด สมองไว อ๊ะ! อย่างนี้ไม่พลาดอยู่แร้ว เรากินทั้งแบบแคปซูล แล้วก็ไข่ Omega 3 เลย โด๊ปกันเข้าไป สู้ๆ บางคนที่กลืนยายาก ขอแนะนำให้กินน้ำมันปลาแบบเม็ดเล็กคือ 500 mg แล้วก็เลือกดูที่มีปริมาณ DHA และ EPA สูงๆ หน่อย แบบ Pharmaceutical Grade คือจะได้ไม่มีสารปนเปื้อนมากนัก เรากินยี่ห้อ Perfex Hotli เพราะมีสปอนเซอร์ อิอิ

อื่นๆ ก็มีวิตามินซี ยิ่งช่วงนี้คนรอบตัวเราเป็นหวัดกันทั้งนั้น ยิ่งต้องรักษาเนื้อรักษาตัวน้าาา เพิ่มภูมิต้านทานไว้ก่อนเป็นดี อัดวิตามินซีกันเข้าไป ที่เรากินคือ Ester C มันจะพิเศษกว่าวิตามินซีทั่วไปตรงที่มันดูดซึมได้ดีกว่า ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้มากกว่า (คนขายว่างั้น) เท่าที่กินมาเป็นปีแล้วก็ให้คนรอบข้างกินด้วย ก็รู้สึกนะว่าไม่ค่อยเป็นหวัดบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ไม่รู้เป็น Placebo effect หรือเปล่า

สรุป : ช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก ทานโฟลิก แอซิด วันละ 400 มคก.
หลังจากนั้น ควรทานแคลเซียม 600-1000 มก. มื้อเช้า, ธาตุเหล็ก 27 มก. ก่อนนอน เสริมด้วยน้ำมันปลาและวิตามินซี

อย่าลืมกินอาหารครบ 5 หมู่ ผัก ผลไม้วันละ 5 ชนิดนะจ๊ะ
สินค้านี้ยังไม่มีคนวิจารณ์
ชื่อ
คำถาม
รายละเอียด
  • ถาม
รสสุคนธ์
27.130.254.x
11 มี.ค. 2556 12:34 น.
ถาม Folic Acid 500 mcg
ไปฝากท้องกะคุณหมอที่ รพ แล้วค่ะ ตอนนี้อายุครรภ์ 7 อาทิตย์ หมอไม่ให้ Folic มาบอกให้กินที่มีอยู่ก็ได้ ก็เลยอยากถามเพื่อความแน่ใจว่า Folic Acid 500 mcg ของ Blackmores นี่เหมือนกับของที่รพ ทั่วไปให้รึเปล่าค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
สตรีในระยะตั้งครรภ์ปกติ จะต้องการโฟลิกวันละ 400 ไมโครกรัมค่ะ โฟลิกที่คุณแม่มีอยู่ สามารถรับประทานได้่ค่ะ และรับประทานอาหารที่มีกรดโฟลิก ได้แก่ ผักใบเขียวและผลไม้บางชนิด เช่น ผักโขม ปล๊อกโคลี คะน้า หน่อไม้ฝรั่ง เห็ด มันฝรั่ง กะหล่ำดอก กระหล่ำปลี ผักกาดหอม ผักกาดเขียว ผักกาดแก้ว ถั่วลันเตา มะเขือเทศ แครอท ข้าวโพด สัม กล้วย ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ถั่วสีเขียว ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต ปลานมสด ไข่แดง โยเกิร์ต ตับ เพิ่มเติมค่ะ ทีมา : demex.co.th
เจ้าของร้าน

11 มี.ค. 2556 12:46 น.

วิธีการชำระเงิน

หลังทำรายการสั่งซื้อเสร็จเรียบร้อย ลูกค้าสามารถชำระเงินได้เลยครับ ไม่จำเป็นต้องรอการติดต่อกลับจากทางร้านให้เสียเวลา เพราะทางร้านมีระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ  สินค้าที่กดทำรายการสั่งซื้อได้จะมีของพร้อมส่งทุกรายการ  โดยท่านสามารถเลือกชำระเงินผ่านตู้ ATM, เคาร์เตอร์ธนาคาร, โทรศัพท์มือถือ หรือ Internet Banking ที่ท่านสะดวกเข้ามาที่บัญชีที่ระบุไว้ด้านล่างนี้

*     กรุณาชำระเงินภายใน 3 วันหลังจากสั่งซื้อ หากครบกำหนดรายการสั่งซื้อของท่านจะถูกยกเลิกอัตโนมัติ
**   หลังชำระเงิน กรุณาแจ้งยืนยันการชำระเงินอีกครั้ง พร้อมทั้งเก็บสลิปหรือหลักฐานการการชำระเงินไว้จนกว่าท่านจะได้รับสินค้า
*** ลูกค้าไม่ต้องแนบสลิปตอนแจ้งชำระเงิน เพราะทางร้านมีระบบบัญชีธนาคารออนไลน์ ตรวจสอบรายการโอนกับธนาคารได้โดยตรง

 

 

เมื่อท่านได้ทำการชำระเงินแล้ว กรุณาแจ้งชำระเงินผ่านหน้าเว็บ  คลิ๊กที่นี่ เพิ่อแจ้งชำระเงินทันที หรือส่ง SMS มาที่ 089-1602557

ธนาคาร สาขา เลขที่บัญชี ประเภทบัญชี ชื่อบัญชี
ทหารไทย ศรีจันทร์-ขอนแก่น 464-2-14084-4 ออมทรัพย์ นายอัครวัตร คูณคำตา
กสิกรไทย อโศก-กรุงเทพ 741-2-40040-7 ออมทรัพย์ นางสาวรจเรศ เนตรทอง
กรุงเทพ เอ็มโพเรียม-กรุงเทพ 096-022432-7 ออมทรัพย์ นางสาวรจเรศ เนตรทอง
กรุงไทย เทสโก้โลตัส นาดี อุดรธานี 981-1-59679-4 ออมทรัพย์ นางสาวรจเรศ เนตรทอง
เพื่อความเข้าใจตรงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายและมิตรภาพที่ดีต่อกัน กรุณาทำความเข้าใจเงื่อนไข

เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่
ไม่เกิน 5 นาที
สมัครสมาชิก

เข้าร่วมร้านค้า

สมัครสมาชิกร้านนี้ เพื่อรับสิทธิพิเศษ

STATISTICS

หน้าที่เข้าชม1,085,502 หน้า
ผู้ชมทั้งหมด516,833 ครั้ง
เปิดร้าน3 ก.พ. 55
ร้านค้าอัพเดท9 ก.ค. 57

Categories

กลุ่มประโยชน์และการรักษา [186]



Go to Top