Calcium-D with soy germ 30 Capsules แคลเซียมดี วิท ซอย เจิร์ม 30 แคบซูล สารสกัดจากจมูกถั่วเหลือง พร้อมด้วยแคลเซียมเหลว วิตามินดี และแร่ธาตุ ช่วยบำรุงกระดูก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการป้องกันภาวะกระดูกพรุน ผู้หญิงที่ใกล้หมดประจำเดือน และคนที่มีภาวะเสี่ยง | ||
หยิบลงตะกร้า | ||||||||||||||
| ||
Calcium-D with soy germ 30 Capsules แคลเซียมดี วิท ซอย เจิร์ม 30 แคบซูล
สารสกัดจากจมูกถั่วเหลือง พร้อมด้วยแคลเซียมเหลว วิตามินดี และแร่ธาตุ
ช่วยบำรุงกระดูก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการป้องกันภาวะกระดูกพรุน ผู้หญิงที่ใกล้หมดประจำเดือน และคนที่มีภาวะเสี่ยงระดูกพรุน เช่น สูบบุหรี่ กินเหล้า ดื่มชา กาแฟเป็นประจำ
เลขที่ อ.ย. 11-1-32732-1-0773
ส่วนประกอบเมก้า แคลเซียม ดี วิท ซอยเจิร์ม
จมูกถั่วเหลือง 200 มิลลิกรัม
แคลเซียม คาร์บอเนต 750 มิลลิกรัม
วิตามิน ดี3 0.20 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม ออกไซด์ 87.07 มิลลิกรัม
ซิงค์ ซัลเฟต 20.6 มิลลิกรัม
คอปเปอร์ ซัลเฟต 2.51 มิลลิกรัม
แมงกานีส ซัลเฟต 6.16 มิลลิกรัม
ขนาดรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล
ควรกินอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ
ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
โภชนาการเพื่อป้องกันและรักษาโรคกระดูพรุน
โดยมลฤดี ประสิทธิ์ คลินิกสตรีวัยหมดประจำเดือน โรงพยาบาลศรีนครินทร์
วัยสูงอายุเป็นวัยที่มีการเสื่อมถอยของอวัยวะต่าง ๆ ส่งผลต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาว เช่น การเกิดโรคกระดูกพรุนโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น
โรคกระดูกพรุนเป็นโรคเรื้อรังที่เป็นปัญหาสุขภาพระดับโลก และมีแนวโน้มเพิ่มความรุนแรงส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ทุพพลภาพ การสูญเสียทางเศรษฐกิจและการสูญเสียชีวิต เป็นโรคที่ไม่แสดงอาการแบบทันทีทันใด อาการแสดงจะเกิดอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้าๆ ซึ่งการที่จะช่วยส่งเสริมให้เนื้อกระดูกมีความหนาแน่นในระดับสูงสำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน รวมทั้งลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูดพรุน ผู้สูงอายุควรมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารอย่างถูกต้องและเหมาะสมตามหลักโภชนาการ ดังต่อไปนี้
1. การบริโภคอาหารที่มีปริมาณแคลเซียมสูง
เนื่องจากแคลเซียมเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการสร้างเนื้อกระดูกและป้องกันการสูญเสียเนื้อกระดูก การเก็บหรือซ่อมแซมการสูญเสียกระดูกจะไม่เกิดขึ้นถ้าร่างกายไม่ได้รับแคลเซียมจากอาหารอย่างเพียงพอ และมีรายงานการศึกษาพบว่าแบบแผนการบริโภคอาหารของคนไทยจะได้รับแคลเซียมจากอาหารต่ำมากเมื่อเทียบกับปริมาณที่ควรได้ในแต่ละวัน คือ เฉลี่ยรับละ 384 มิลลิกรัม/วัน ขณะที่ปริมาณที่ควรได้รับคือ 800 มิลลิกรัม/วัน ทำให้มีแคลเซียมสะสมอยู่เนื้อกระดูกน้อยอยู่แล้วดังนั้นเมื่อมีอายุมากขึ้น จึงยิ่งจำเป็นที่จะต้องรักษาปริมาณแคลเซียมนั้นไว้ให้ดีที่สุด ดังนั้นในผู้สูงอายุจึงต้องรับประทานอาหาร ที่มีปริมาณแคลเซียมสูงเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาความความหนาแน่นของเนื้อกระดูกและป้องกันการเกิดโรคกระพรุน
สำหรับแหล่งอาหารที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ นมหรือผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เนยแข็ง โยเกิร์ต เป็นต้น ในน้ำนมจะมีปริมาณแคลเซียมสูง คือ 240 มิลลิกรัมต่อปริมาณของน้ำนม 200 มิลลิลิตรและแคลเซียมในน้ำนมจะอยู่ในรูปที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ทันที ส่วนแคลเซียมในอาหารจะจับกับสารอาหารอื่น ๆ ทำให้สัดส่วนการดูดซึมลดลง ผู้สูงอายุบางรายอาจไม่สามารถบริโภคนมเนื่องจากไม่มีเอ็นไซม์สำหรับย่อยนม ทำให้มีอาการท้องเดิน สามารถรับประทานอาหารอื่นๆ ที่มีแคลเซียมสูงและสอดคล้องกับวิถีชีวิตคนไทย ได้แก่ นมถั่วเหลือง ปลาเล็กปลาน้อย ปลาไส้ตัน กุ้งฝอย กะปิ กุ้งแห้ง เต้าหู้ ถั่วเหลือง งาดำ ผักคะน้า มะเขือพวง ใบยอ เป็นต้น
การเพิ่มการบริโภคแคลเซียม ควรเป็นการเพิ่มการบริโภคโดยใช้อาหารเป็นหลักไม่แนะนำให้บริโภคในรูปสารสังเคราะห์ยกเว้นการอยู่ในความดูแลแพทย์ เพราะอาจเกิดผลที่ไม่พึงประสงค์ได้กรณีที่ได้รับแคลเซี่ยมในปริมาณที่มากเกิน คือ มากกว่า 2000 มิลลิกรัมต่อวัน อาจก่อให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อย คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการขาดน้ำ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึม หมดสติ เกิดนิ่วในไต ผลข้างเคียงที่พบบ่อย คือ ท้องผูก แน่นท้องเป็นต้น
2. การบริโภคอาหารที่มีวิตามินดี
เนื่องจากวิตามินดีเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อกระดูก ช่วยสร้างโปรตีนในการดูดซึมของแคลเซียม ทำให้การดูดซึมของแคลเซียมเป็นไปโดยปกติและช่วยในการสร้างกระดูกเพิ่มขึ้น ในคนสูงอายุมีโอกาสขาดวิตามินดีค่อนข้างมากเนื่องจากรับประทานอาหารที่มีวิตามินดีในปริมาณน้อยและได้รับแสงแดดน้อยเกินไป ซึ่งโดยปกติร่างกายควรได้รับวิตามินดี 600-800 IU/วัน เมล็ดธัญญาพืชทั้งเปลือก ขนมบัว มาการีนและจากแสงแดด เป็นต้น ดังนั้นเพื่อการมีกระดูกที่แข็งแรงร่างกายควรได้รับแสงแดดอ่อน ๆ ทุกวันอย่างน้อยวันละ 10-15 นาที/วัน
3. การหลีกเลี่ยงหรืองดบริโภคสิ่งที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนได้แก่
3.1 การหลีกเลี่ยงหรืองดบริโภคอาหารที่มีโปรตีนจากเนื้อสัตว์จำนวนมากเนื่องจากสารกลูคากอนที่เกิดจากการเผาผลาญจากสารอาหารโปรตีน จะทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะเพิ่มมากขึ้นการรับประทานอาหารเหล่านี้จำนวนมากจึงทำให้เกิดการสูญเสียแคลเซียมเพิ่มมากขึ้น
3.2 การหลีกเลี่ยงหรืองดบริโภคอาหารรสเค็มจัด เนื่องจากอาหารรสเค็มมีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ เมื่อร่างกายได้รับโซเดียมจะทำให้ร่างกายขับน้ำออกทางปัสสาวะมากขึ้นและขับแคลเซียมตามออกมาด้วย จึงทำให้การสูญเสียแคลเซียมจากร่างกายทางปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น
3.3 การหลีกเลี่ยงหรืองดบริโภคเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนเนื่องจากน้ำชา กาแฟ มีส่วนประกอบของคาเฟอีน จะทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น
3.4 การหลีกเลี่ยงหรืองดบริโภคน้ำอัดลม เนื่องจากมีส่วนผสมของฟอสฟอรัสสูงฟอสฟอรัสจะรวมตัวกับแคลเซียมในร่างกาย ทำให้ระดับแคลเซียมในเลือดเสียสมดุล ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำแคลเซียมไปใช้ได้ตามปกติ จึงทำให้แคลเซียมในร่างกายลดลงได้
3.5 การหลีกเลี่ยงหรืองดบริโภคสุรา เนื่องจากแอลกอฮอล์จะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย และทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำในปริมาณมากนั้นจะทำให้แคลเซียมลดต่ำลง
3.6 การหลีกเลี่ยงหรืองดสูบบุหรี่ เนื่องจากนิโคตีนในบุหรี่ขัดขวางการนำแคลเซียมไปใช้ ทำให้ร่างกายนำแคลเซียมไปใช้ได้ลดลง
3.7 การหลีกเลี่ยงหรืองดบริโภคยาบางชนิด เช่น ยาลดกรดในกระเพาะอาหารที่มีส่วนผสมของอลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ ยาบางประเภท เช่น ยาสเตรียรอยด์ ยารักษาโรคเบาหวาน ยาป้องกันอาการชัก ฮอร์โมนธัยรอยด์ เฮพาริน มีผลทำให้การดูดซึมแคลเซียมในร่างกายลดลง และทำให้มีการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ความหนาแน่นของเนื้อกระดูกลดลงในที่สุด
การที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องว่าควรหลีกเลี่ยงการบริโภคอะไรบ้างที่จะทำให้เกิดโรคต่างๆ ประกอบกับการที่ผู้บริโภคยุคใหม่มีแนวโน้มที่จะเผลอตัวไปกับกระแสสังคมที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วจนทำให้ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องอาหารการกินเท่าที่ควร ทั้งสองสิ่งนี้ทำให้เกิดพฤติกรรมการกินที่ไม่พึงประสงค์ มีการกินอาหารบางอย่างมากเกินไป บางอย่างน้อยเกินไปทำให้ได้รับคุณค่าอาหารที่ไม่สมดุลเป็นผลให้เกิดปัญหาสุขภาพโดยไม่รู้ตัว การกินอาหารมิใช่จะเป็นเพียงการกินเพื่อให้อิ่มหรือเพื่อให้ยังชีพ แต่จำเป็นที่ต้องกินเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีแข็งแรง ไม่เป็นโรค และมีจิตใจแจ่มใสเพื่อให้มีหลักของการบริโภคอาหารที่ดี
การบริโภคอาหาร เพื่อสุขภาพของคนไทยที่ดี
กระทรวงสาธารณสุขโดยกองโภชนาการ กรมอนามัย ได้มี “ข้อแนะนำการบริโภคอาหาร เพื่อสุขภาพของคนไทย” (Food Based Dietary Guidelines) 9 ข้อ ซึ่งเป็นคำแนะนำที่มีความเหมาะสมและง่ายต่อการปฏิบัติและมีความยืดหยุ่นในตัวที่แต่ละคนสามารถปรับให้เหมาะสมกับตัวเองได้ โดยมีรายละเอียดต่อไปนี้ คือ
1. กินอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลาย และหมั่นดูแลน้ำหนักตัว
ข้อแนะนำนี้เป็นข้อแนะนำหลัก ยึดอาหารหลัก 5 หมู่ และเพิ่มความสำคัญของการกินอาหารแต่ละหมู่ให้มีความหลากหลาย ไม่จำเจอยู่เพียงอาหารไม่กี่ชนิด น้ำหนักตัวเป็นเครื่องบ่งชี้อย่างง่ายถึงภาวะสุขภาพ ในผู้ใหญ่ที่กินอาหารได้เหมาะสม จะมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมและค่อนข้างคงที่ มีรูปร่างที่ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป หากสังเกตเห็นว่าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากน้ำหนักปกติ แสดงให้เห็นว่าเริ่มกินอาหารมากเกินไปแล้วควรจะต้องหันมาควบคุมลดปริมาณให้น้อยลง โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เสื้อผ้าคับก่อนที่เริ่มรู้สึกตัว เพราะเสื้อผ้าสมัยใหม่มักนิยมใช้สายยืดเพื่อให้สวมใส่สบายดังนั้น ควรหมั่นชั่งน้ำหนักตัวอย่างน้อยเดือนละครั้ง
2. กินข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ
เพื่อเป็นการรักษาเอกลักษณ์ของคนไทย จึงให้ความสำคัญกับการกินข้าวเป็นอาหารหลักถ้าเป็นไปได้ ควรกินข้าวซ้อมมือ เพราะอุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีนและใยอาหารมากกว่าข้าวที่ขัดสีจนขาวส่วนอาหารแป้ง เช่น ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ให้กินเป็นบางมื้อ อาหารแป้งเป็นอาหารที่ผ่านการแปรรูป ใยอาหารจะมีน้อยกว่าในข้าว
3. กินพืชผักให้มาก และกินผลไม้เป็นประจำ
อาหารหลัก 5 หมู่ ของไทยมีเอกลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การจัดแยกพืชผักและผลไม้เป็นอาหารหลักคนละหมู่เนื่องจากประเทศไทยมีพืชผักและผลไม้อุดมสมบูรณ์ที่ผู้บริโภคสามารถเลือกบริโภคได้ตลอดปี พืชผักและผลไม้ให้สารอาหารที่สำคัญหลายชนิด คือ วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร และให้สารอื่นที่มิใช่สารอาหารเช่น สารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำลายเนื้อเยื่อและผนังเซลล์ ช่วยชะลอการเสื่อมสลายของเซลล์ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูสดใสไม่แก่เกินวัย นอกจากนี้ยังให้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพรที่ช่วยรักษาสุขภาพ
4. กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ
เป็นการกินอาหารที่ให้โปรตีน โดยเน้นปลาและอาหารประเภทถั่วเมล็ดแห้ง เช่น เต้าหู้ชนิดต่าง ๆ สำหรับเนื้อสัตว์ให้เลือกที่ไม่ติดมัน หรือที่มีมันน้อย ไข่เป็นอาหารที่มีประโยชน์ ควรกินเป็นประจำ เด็กควรกินวันละฟอง ผู้ใหญ่ภาวะปกติควรกินวันเว้นวันหรือสัปดาห์ละ 2-3 ฟอง ส่วนคนที่มีปัญหาภาวะโคเลสเตอรอลสูงในเลือดควรลดปริมาณลง
5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย
บางคนอาจมองเห็นว่าน้ำนมเป็นอาหารของต่างชาติ ไม่ควรส่งเสริมการบริโภค น่าจะให้คนไทยไปบริโภคอาหารอย่างอื่นจะดีกว่า อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาโดยรวม จะเห็นได้ว่าน้ำนมเป็นอาหารที่มีประโยชน์สมบูรณ์ เป็นแหล่งอาหารของโปรตีน แคลเซียม วิตามินบี 2 และแร่ธาตุต่าง ๆ นอกจากนี้น้ำนมเป็นอาหารที่รับประทานง่าย ราคาไม่แพงเกินไป มีหลายชนิดหาได้ทั่วไป จึงเป็นการสะดวกที่จะใช้เป็นอาหารสำหรับคนทุกวัยในกรณีที่ห่วงว่าดื่มนมมาก ๆ อาจทำให้อ้วน ผู้บริโภคสามารถเลือกดื่มนมพร่องไขมันได้ปริมาณที่แนะนำคือ เด็กควรดื่มวันละ 1-2 แก้ว ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุควรดื่มวันละ 1 แก้ว
6. กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร
ถึงแม้ไขมันจะเกี่ยวข้องกับปัญหาโภชนาการ เช่น โรคอ้วน ภาวะไขมันในเลือดสูงที่นำไปสู่โรคหัวใจขาดเลือดได้ แต่ร่างกายต้องการไขมันเพื่อสุขภาพด้วยเช่นกันเพียงแต่จะต้องควบคุมปริมาณและชนิดของไขมันที่จะบริโภคให้เหมาะสม ลดอาหารที่มีไขมันมากเช่น หมูสามชั้น ขาหมูพะโล้และอาหารที่ใช้น้ำมันหรือกะทิจำนวนมากในการประกอบอาหาร
7. หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด
ส่วนประกอบสำคัญของอาหารหวานจัดและเค็มจัด ได้แก่ น้ำตาลและเกลือแกง ซึ่งส่วนประกอบทั้ง 2 ชนิด เมื่อบริโภคมากเกินไปพบว่าเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคอ้วนและโรคความดันโลหิตสูง ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีรสหวานจัดและเค็มจัด ควรพยายามรับประทานอาหารที่มีรสธรรมดา ไม่ควรที่จะต้องเติมน้ำตาลหรือเกลือเพิ่มเติมในอาหารที่ปรุงแล้ว หรือหันมากินอาหารแบบไทยเดิม ที่มีกับข้าวหลายชนิดเพื่อให้เกิดรสชาติที่หลากหลายแทนการบริโภคอาหารรสจัด
8. กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อน
การกินอาหารที่สะอาดนับเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยลดอันตรายจากสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นเชื้อโรค พยาธิ สารพิษ สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ผู้บริโภคควรเลือกซื้ออาหารจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้และมีการผลิตที่ถูกต้อง รวมทั้งมีการเก็บรักษาที่เหมาะสม อาหารสำเร็จรูปควรบรรจุในภาชนะที่เหมาะสม สะอาด ฉลากที่ถูกต้อง บอกวันหมดอายุ ส่วนประกอบ ชื่ออาหาร สถานที่ผลิตนอกจากนี้ผู้บริโภคควรมีสุขนิสัยที่ดีในการรับประทานอาหาร เช่น การล้างมือก่อนรับประทานอาหาร การใช้ซ้อนกลางหรือใช้อุปกรณ์หยิบจับอาหารมากกว่าการใช้มือ
9. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
เมื่อดื่มมาก จะมีผลให้การทำงานของระบบสมองและประสาทช้าลง ทำให้เกิดการขาดสติได้ง่าย อันจะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ เสียทรัพย์ เสียสุขภาพ ก่อให้เกิดโรคตับแข็งและการขาดสารอาหารที่สำคัญหลายชนิดดังนั้นควรลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด
โดยสรุปแล้ว เพื่อให้ร่างกายได้ประโยชน์สูงสุดและมีคุณภาพชีวิตที่ดี เราจึงควรรับประทานอาหารให้ครบทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ รวมทั้งน้ำ ทั้งนี้ต้องรับประทานอาหารให้ถูกส่วน ในกรณีที่มีอายุมากควรลดปริมาณอาหารจำพวกแป้ง ไขมัน เนื้อสัตว์ในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายโดยต้องพิจารณาถึงเพศ วัย น้ำหนักส่วนสูง และอาชีพของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ต้องมีการออกกำลังกายในรูปแบบที่เหมาะสมกับวัยและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย
บรรณานุกรม
กอบจิตต์ ลิมปพยอม. (2543). วัยหมดประจำเดือน. กรุงเทพฯ : เรือนแก้วการพิมพ์.
รัชตะ รัชตะนาวิน. (2535).โรคกระดูกพรุน.ใน : สุรศักดิ์ นิลภานุวงศ์. บรรณาธิการ. ตำราโรคข้อ. กรุงเทพฯ : เรือนแสงการพิมพ์. หน้า 319-344.
ลลิตา ธีระสิรี. (2542). กระดูกผุ-แคลเซียม : ป้องกันรักษาด้วยธรรมชาติวิธี.พิมพ์ครั้งที่ 6.กรุงเทพฯ : รวมทรรศน์.
4. สุวคนธ์ ไข่แก้ว. (2540) สตรีวัยหมดประจำเดือน : การดูแลตนเอง เพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน. วารสารพยาบาลศาสตร์, 15(1) , 19-24.
5. อุดม วิศิษฏสุนทร. (2541). คู่มือโรคข้อ. ใน : สุรศักดิ์ นิลภานุวงศ์,และสุรวุฒิ ปรีชานนท์.บรรณาธิการ. โรคกระดูกพรุน. กรุงเทพฯ : เรือนแสงการพิมพ์. หน้า 286-293.
6. วิลัยทิพย์ สาชลวิจารณ์. (2545). กินอย่างไรให้สดใสในวัยทอง. เอกสารประกอบการประชุมวิชาการเรื่อง Menopause : the Period of Pride. กรุงเทพฯ,โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค. หน้า134-142.
7. 9 วิธีกินดีเพื่อสุขภาพ. (2549) ค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2549.จาก https://www.sudyord.com/health/food/93.htm
หลังทำรายการสั่งซื้อเสร็จเรียบร้อย ลูกค้าสามารถชำระเงินได้เลยครับ ไม่จำเป็นต้องรอการติดต่อกลับจากทางร้านให้เสียเวลา เพราะทางร้านมีระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ สินค้าที่กดทำรายการสั่งซื้อได้จะมีของพร้อมส่งทุกรายการ โดยท่านสามารถเลือกชำระเงินผ่านตู้ ATM, เคาร์เตอร์ธนาคาร, โทรศัพท์มือถือ หรือ Internet Banking ที่ท่านสะดวกเข้ามาที่บัญชีที่ระบุไว้ด้านล่างนี้ * กรุณาชำระเงินภายใน 3 วันหลังจากสั่งซื้อ หากครบกำหนดรายการสั่งซื้อของท่านจะถูกยกเลิกอัตโนมัติ
เมื่อท่านได้ทำการชำระเงินแล้ว กรุณาแจ้งชำระเงินผ่านหน้าเว็บ คลิ๊กที่นี่ เพิ่อแจ้งชำระเงินทันที หรือส่ง SMS มาที่ 089-1602557 | ||
ธนาคาร | สาขา | เลขที่บัญชี | ประเภทบัญชี | ชื่อบัญชี | ||
![]() |
ศรีจันทร์-ขอนแก่น | 464-2-14084-4 | ออมทรัพย์ | นายอัครวัตร คูณคำตา | ||
![]() |
อโศก-กรุงเทพ | 741-2-40040-7 | ออมทรัพย์ | นางสาวรจเรศ เนตรทอง | ||
![]() |
เอ็มโพเรียม-กรุงเทพ | 096-022432-7 | ออมทรัพย์ | นางสาวรจเรศ เนตรทอง | ||
![]() |
เทสโก้โลตัส นาดี อุดรธานี | 981-1-59679-4 | ออมทรัพย์ | นางสาวรจเรศ เนตรทอง |
หน้าที่เข้าชม | 1,088,112 หน้า |
ผู้ชมทั้งหมด | 518,246 ครั้ง |
เปิดร้าน | 3 ก.พ. 55 |
ร้านค้าอัพเดท | 10 ก.ค. 57 |